นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศในครั้งนี้เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 3.4% ค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 305.44 บาท เป็น 315.90 บาท หรือเฉลี่ย 10.50 บาท มีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต ต่ำสุด 0.0008% สูงสุด 0.1% หรือเฉลี่ย 0.05% ซึ่งถือว่าไม่มาก ผู้ผลิตจะใช้เป็นเหตุผลปรับขึ้นราคาสินค้าไม่ได้
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ผลิตสินค้าทุกกลุ่มหารือถึงผลกระทบและจะขอให้กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบตรึงราคาสินค้า ส่วนกลุ่มที่กระทบจะพิจารณาว่ามีผลกระทบอย่างไร
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ยทั่วประเทศสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ขยายตัวดี ต่อเนื่อง จะส่งผลดีให้แรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้น ดีต่อการบริโภคโดยรวม และสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อย
“ต้องจับตาใกล้ชิด เรื่องความสามารถผู้ประกอบการที่แบกรับภาระต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม ผู้ประกอบการขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) อีกทั้งจะติดตามผลกระทบต่อเงินเฟ้อใกล้ชิดด้วย รวมทั้งการขึ้นราคาสินค้า” นายดอน กล่าว
นายสรรเพ็ชร ศุภบวรเสถียร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าวว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสูงสุดที่ 330 บาท ใน จ.ชลบุรี และระยอง ทำให้ธุรกิจโรงแรมรับภาระเพิ่มขึ้น แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะเติบโตดีจากโครงการอีอีซี
นางนัยนา ทับวงษ์ ผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่ง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ภาระค่าจ้างเพิ่มขึ้นสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยอดขายลดลง จึงอาจมีการปรับลดพนักงานลงเพื่อความอยู่รอด
