หุ้นไทยฟื้นตัวจากแรงหนุน LTF-RMF ทำสถิติสูงสุดรอบปีอีกครั้ง มั่นใจต้นปีหน้าเงินทุนต่างชาติไหลกลับ

ดัชนีหุ้นวันที่ 19 ธ.ค. ปิดที่ระดับ 1,732.31 จุด สูงสุดในรอบปี 2560 แทนระดับเดิม ที่เคยปิดสูงสุดทั้งในรอบ ปีนี้และในรอบกว่า 23 ปี เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ระดับ 1,726.67 จุด
นายสรพล วีระเมธีกุล หัวหน้าฝ่ายวิจัยดิจิทัลและนักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผย
ว่า ตามสถิติเดือน ธ.ค. นักลงทุนสถาบันในประเทศจะกลับมามีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยเฉลี่ยสัดส่วนการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 14% จากเฉลี่ยก่อนหน้าอยู่ที่ 8% เพราะมีแรงซื้อจากกองทุนหุ้นรวมระยะยาว (LTF) และกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนต่างชาติจะลดลงเหลือ 18% จากเดิมอยู่ที่ 20% และแรงขายทำกำไรของต่างชาติที่ เคยเห็นขายตั้งแต่ช่วงต้นถึงกลางเดือนเฉลี่ย 2,000-3,000 ล้านบาท/วัน ก็เริ่มมีปริมาณขายทำกำไรลดลงเหลือเพียงหลักไม่กี่ร้อยล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับพอร์ตก่อนเข้าช่วงหยุดยาว ทำให้ดัชนีสิ้นปีนี้น่าจะปิดที่ 1,720-1,730 จุด
ทั้งนี้ ครึ่งแรกของปี 2561 จะเป็นช่วงที่หุ้นไทยยังดีต่อเนื่องและมีแรงซื้อกลับของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากแรงขายต่างชาติเป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับเงินที่ไหลเข้าตราสารหนี้ เดือน ต.ค. และ พ.ย. โดยไตรมาสแรกดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบสูงสุด 1,760-1,789 จุด และแนวรับ 1,670-1,680 จุด โดยหุ้นปีหน้าจะปิดสูงสุดที่ 1,870 จุด ที่ราคาต่อกำไร (พี/อี) 16 เท่า กำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ 110 บาท เติบโต 10%
นายเอกชัย ธาราพรทิพย์ รองกรรมการผู้จัดการ และรองหัวหน้าฝ่ายวิจัย กล่าวว่า แรงซื้อต่างชาติจะกลับเข้ามาต้นปีหน้า เพราะต่างชาติมีการส่งสถานะการซื้อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงดัชนี SET 50 ในระดับราคาที่สูงกว่าราคาที่เหมาะสม (พรีเมียม) ซึ่งต้องติดตามวันปิดสถานะของปีคือวันที่ 28 ธ.ค.นี้
สำหรับหุ้นที่แนะนำคือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก คือกลุ่มโลจิสติกส์และเดินเรือ ที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวการบริโภคของคนชั้นกลาง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และสื่อโฆษณานอกบ้าน และหุ้นใหญ่ที่จะได้ประโยชน์จากแรงซื้อกลับต่างชาติ อย่างธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี และค้าปลีก

Related Posts

Scroll to Top