เปิดตัวแล้วกับ Samsung Galaxy S24 Ultra ที่เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนในยุค AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้สมาร์ทโฟนไปอีกรูปแบบหนึ่งเลย มาดูกันว่ามันมีจุดเด่นอะไรบ้างที่น่าสนใจ
จุดเด่นแรกที่ถูกนำมาเสนอคือ Real time Translation หรือการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ รองรับ 13 ภาษา รวมถึงภาษาไทยด้วย ซึ่งตรงนี้ Samsung ได้โชว์ว่าฟีเจอร์นี้จะเข้ามาช่วยให้คนสื่อสารกันได้อย่างไร้รอยต่อ
นอกจากนี้ยังแปลภาษาแบบ Real time ผ่านการแชตได้อีกด้วย โดยแค่เลือกภาษาที่เราจะแปลขณะแชตกับเพื่อน ซึ่งภาษาที่แปลจะขึ้นมาแสดงผลอยู่ใต้ข้อความที่เราพิมพ์ไป ขณะที่เมื่อคู่สนทนาพิมพ์ภาษาอื่นมา ก็จะถูกแปลเป็นภาษาที่เราตั้งค่าไว้
ฟีเจอร์ต่อมาคือ นำภาพถ่ายมาสร้างเป็น Emoji ได้เลย
สามารถ Transcript เสียงที่อัดระหว่างทำการประชุมออกมาเป็นข้อความได้ และ AI ยังช่วยจัดการข้อมูลที่ถูกส่งมายาวๆ เป็นบุลเล็ตได้เพียงคลิกเดียว
ส่วนฟีเจอร์ที่ถูกเคลมว่า คุณจะต้องไม่เคยเห็นมาก่อนในสมาร์ทโฟน คือ Circle to Search ไม่ว่าจะอยากค้นหาอะไรผ่านหน้าจอ แต่ก็วงตรงนั้นเลย จากนั้นข้อมูลจะโชว์ขึ้นมาโดยไม่ต้องไปเปิดหน้าต่างใหม่เลย หากวงไปที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็จะขึ้นหน้าจอมาให้กดซื้อได้เลยด้วย และยังสามารถใส่ข้อความเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีกด้วย
ซึ่งวิธีใช้ฟีเจอร์นี้ก็ง่ายมาก เพียงแค่กด Home Botton ค้างไว้ จากนั้นก็วงตรงจุดที่ต้องการหาข้อมูลได้เลย จากนั้นหน้า Search ก็จะเด้งขึ้นมาจากด้านล่างให้เราค้นหาข้อมูลได้ทันที และฟีเจอร์นี้ใช้ได้เฉพาะสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ ซึ่งจะอยู่ใน Galaxy S24 ทั้ง 3 รุ่น
ด้านการแชร์ไฟล์ รุ่นนี้สามารถแชร์ไฟล์ข้ามแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น เช่นการแชร์ภาพถ่ายลงวินโดวส์ สามารถทำได้ง่ายขึ้น
สำหรับสเปคของเจ้า Samsung Galaxy S24 Ultra มีดังนี้
ตัวเครื่องยาว 162.3 กว้าง 79 และหนา 8.6 มม. มีน้ำหนัก 232 กรัม หน้าจอใช้กระจก Gorilla Glass Armor ที่แข็งแรงขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยมีกรอบตัวเครื่องเป็น Titanium
หน้าจอ AMOLED 2X 6.8 นิ้ว รีเฟรชเรต 120Hz ความละเอียดหน้าจอ QHD+ 1440 x 3088 พิกเซล ให้ค่าความสว่างหน้าจอได้สูงสุด 2600 nits
รองรับ Nano-SIM and eSIM or Dual SIM กันน้ำในระดับ IP68
มาพร้อมกล้องหลัก 4 ตัว ตัวแรก 200MP OIS f/1.7 ตัวที่ 2 ให้มา 50MP f/3.4 เป็นเลนส์ Periscope Telephoto ที่ซูม Optical ได้ถึง 5 เท่า ตัวที่ 3 เป็นเลนส์ Telephoto (X3) ระยะ 67mm ความละเอียด 10MP f/2.4 และตัวสุดท้ายเป็นเลนส์ Ultrawide 12MP f/2.2
ซึ่ง AI ที่ใช้ในกล้องจะช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอีกมากทีเดียว
สำหรับกล้องหลังสามารถ่าย Video ได้สูงสุดที่ 8K 30fps ส่วน 4K ได้สูงสุดที่ 120fps
ส่วนกล้องหน้าให้มา 12MP, f/2.2 เป็นแบบ Dual Pixel รองรับการถ่าย Video สูงสุดที่ 4K 60fps
ด้านชิปเซ็ตใช้ Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 (4 nm) ให้ Ram มา 12GB ความจุมีตั้งแต่ 256GB ไปจนถึง 1TB
สำหรับการเชื่อมต่อที่ถูกอัปเกรดมา คือ เจ้าตัวนี้รองรับ Wi-Fi 7
ด้านแบตเตอรี่ให้มา 5000 mAh รองรับชาร์จไวที่ 45W แบบเสียบสายชาร์จ ส่วนชาร์จไร้สายได้ที่ 15W และสามารถทำ Reverse Charge แบบ wireless ได้ที่ 4.5W
มีให้เลือก 4 สี คือ Titanium Black, Titanium Gray, Titanium Violet, Titanium Yellow
ส่วนราคาอยู่ที่
- 12GB + 256GB ราคา 46,900 บาท
- 12GB + 512GB ราคา 52,900 บาท
- 12GB + 1TB ราคา 62,900 บาท