รู้จัก ‘Dynamic Cities via Mobility Data’ โปรเจกต์ที่ใช้ข้อมูล Mobility จากทรู

รู้จัก ‘Dynamic Cities via Mobility Data’ โปรเจกต์ที่ใช้ข้อมูล Mobility จากทรู

โครงการ ‘Dynamic Cities via Mobility Data หลากชีวิตในเมืองที่โลดแล่น’ ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยเป็นการผนึกกำลังครั้งสำคัญระหว่าง ทรู คอร์ปอเรชั่น และ ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจพลวัตของเมืองและวิถีชีวิตของผู้คนใน 4 เมืองหลักของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา-หาดใหญ่ ผ่านข้อมูลการเคลื่อนที่ (Mobility Data) จากโทรศัพท์มือถือจำนวนมหาศาล

ความพิเศษของโปรเจกต์นี้อยู่ที่การนำข้อมูลจากภาคธุรกิจโทรคมนาคมมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเมืองเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยทรูทำหน้าที่บริหารจัดการข้อมูลนิรนามที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ เพื่อให้ UddC จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนำไปวิเคราะห์เชิงลึก เชื่อมโยงกับบริบทของเมือง และนำเสนอแนวทางพัฒนาเมืองที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

อดิศักดิ์ กันทะเมืองลี้ รองผู้อำนวยการ UddC จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก กล่าวว่า เมืองไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งปลูกสร้าง แต่เป็นระบบที่มีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงและมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับสภาพแวดล้อมอยู่ตลอดเวลา การศึกษาเมืองในยุคปัจจุบันจึงจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่ง Mobility Data จากโทรศัพท์มือถือถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เห็นภาพการเคลื่อนที่ การกระจายตัว และการรวมกลุ่มของประชากรในแต่ละพื้นที่และช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำและเรียลไทม์

“ข้อมูลนี้ทำให้เราเห็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เช่น คนส่วนใหญ่เข้างานกี่โมง เลิกงานกี่โมง มีเวลาทำกิจกรรมอื่นๆ มากน้อยแค่ไหน แต่ที่สำคัญคือข้อมูลเหล่านี้ถูกทำให้เป็นนิรนามและอยู่ในรูปแบบภาพรวม ไม่สามารถระบุถึงตัวบุคคลได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักจรรยาบรรณของการใช้ข้อมูล” อดิศักดิ์ กล่าว

ประโยชน์มหาศาลของ Mobility Data ต่อการพัฒนาเมือง:

  • Real Behavioral Insights: ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่สะท้อนพฤติกรรมจริงของผู้คน ลดอคติและช่วยให้เห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของการใช้พื้นที่
  • Accurate & Real-Time Data: ข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงและอัปเดตแบบเรียลไทม์ ทำให้เข้าใจสภาพการใช้งานเมืองในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างทันท่วงที
  • Ready-to-Use for Urban Planning: สามารถนำไปใช้วางแผนและออกแบบเมืองได้โดยตรง โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเดิม
  • Faster & Broader Data Collection: ครอบคลุมประชากรจำนวนมากและทุกพื้นที่ ทำให้เห็นภาพรวมของเมืองในระดับมหภาค

อดิศักดิ์ ยังได้ยกตัวอย่างการนำข้อมูลเชิงลึกจากโปรเจกต์ไปสู่การสร้างนโยบายสาธารณะที่น่าสนใจ เช่น การพบว่าคนกรุงเทพฯ เข้างานสายกว่าเมืองอื่น อาจเป็นผลมาจากระยะทางการเดินทางและปัญหาการจราจร ซึ่งนำไปสู่แนวคิดเรื่อง ‘เมือง 15 นาที’ ที่ส่งเสริมให้ผู้คนสามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ภายในระยะเวลา 15 นาทีจากที่อยู่อาศัย เพื่อลดเวลาการเดินทางและเพิ่มคุณภาพชีวิต

นอกจากนี้ การศึกษาพฤติกรรมของผู้สูงอายุพบว่ามีการใช้ชีวิตจำกัดอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่อาศัย ซึ่งสะท้อนถึงสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการเดินทาง ทำให้เกิดแนวคิดเรื่อง ‘เมืองเดินได้’ (Walkable City) ที่มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและพื้นที่สาธารณะให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

โปรเจกต์ ‘Dynamic Cities via Mobility Data’ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก แต่ยังเปิดกว้างให้ประชาชนทั่วไปได้เข้ามาสำรวจและทำความเข้าใจชีวิตในเมืองผ่านเว็บไซต์ที่ใช้งานง่าย มีการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบภาพที่น่าสนใจ พร้อมทั้งมีแบบทดสอบ (Quiz) ให้ผู้เข้าชมได้ลองทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตนเองก่อนที่จะไปสำรวจภาพรวมของเมือง

“ท้ายที่สุดแล้ว เราอยากชวนทุกคนมาคิดว่า แท้จริงแล้วเราออกแบบเมือง หรือเมืองออกแบบชีวิตเรา” อดิศักดิ์ ทิ้งท้าย “แม้จะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่สิ่งสำคัญคือเมืองและผู้คนต่างมีอิทธิพลซึ่งกันและกัน การทำความเข้าใจพลวัตของเมืองผ่านข้อมูลจึงเป็นก้าวสำคัญในการสร้างเมืองที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนอย่างแท้จริง”

นักการตลาดดิจิทัลเผชิญความท้าทาย! ผลตอบแทนโฆษณาโซเชียลฯ ลดฮวบเกินครึ่ง เล็งขยายสู่ช่องทางใหม่

Scroll to Top