พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรเผยผลสำรวจอสังหาริมทรัพย์ 5 เมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน-ชะอำ และเขาใหญ่ พบคอนโดมิเนียมมาแรงสุดขึ้นอันดับหนึ่งมาร์เก็ตแชร์สูง 76% ขณะที่บ้านเดี่ยวมีส่วนแบ่งอันดับสองที่ 19% ตามด้วยทาวน์เฮาส์ครองส่วนแบ่ง 5% เหตุเติบโตตามภาคการท่องเที่ยวที่ยังโดดเด่น โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมมียอดขายเฉลี่ย 5 พื้นที่ 80% จากอุปทานราว 100,00 ยูนิต ส่งผลตลาดเช่าคึกคัก พื้นที่ภูเก็ตให้ผลตอบแทนต่อปี 6-8% ต่อปี พัทยาผลตอบแทนสูง 5-7% ต่อปี ด้านเขาใหญ่ราคารีเซลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 – 6% ต่อปี ส่วนราคาขายต่อยังคึกคักพื้นที่หัวหิน – ชะอำ ราคาขายต่อพุ่งแรงสุด ปี 2560 ราคาโครงการติดทะเลสูงจากปีก่อน 10% โครงการไม่ติดทะเลพุ่ง 19% พบเทรนด์คนรุ่นใหม่ชื่นชอบการซื้อไว้พักผ่อนและถือโอกาสปล่อยเช่าช่วงไฮซีซั่น
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ได้ทำการสำรวจที่อยู่อาศัยในทำเลเมืองท่องเที่ยวสำคัญ 5 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หัวหิน-ชะอำ และเขาใหญ่ พบว่าปัจจุบันที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมมีส่วนแบ่งการตลาดสูงเป็นอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งถึง 76% (98,163 ยูนิต) ในขณะที่บ้านเดี่ยวครองส่วนแบ่งอันดับสองมี 19% (24,925 ยูนิต) และทาวน์เฮ้าส์ครองส่วนแบ่งอันดับสามที่ 5% (5,998 ยูนิต) โดยการสำรวจล่าสุดพบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) คอนโดมิเนียมเมืองท่องเที่ยวยังเติบโตได้ดีมียอดขายเฉลี่ยทั้ง 5 พื้นที่ประมาณ 80% จากอุปทานเกือบ 100,000 ยูนิต ซึ่งการตอบรับที่อยู่ในเกณฑ์ดีนี้มาจากการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างโดดเด่น และนักท่องเที่ยวที่มาพักผ่อนระยะยาวนิยมเช่าคอนโดมิเนียมเป็นที่พักอาศัยส่งผลให้การปล่อยเช่าได้รับอัตราผลตอบแทนสูงแม้ในบางพื้นที่จะทำการได้จากการปล่อยเช่าได้เฉพาะในฤดูกาลท่องเที่ยวเที่ยวแต่ด้วยราคาปล่อยเช่าที่สูงกว่าทำเลทั่วไปจึงทำให้ยังมีคนสนใจซื้อเพื่อรองรับความต้องการพักผ่อนเองและปล่อยเช่าในบางช่วง อีกทั้งคนในพื้นที่เองก็นิยมซื้อไว้เป็นบ้านพักตากอากาศ และยังสามารถเก็บไว้เก็งกำไรได้เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ซึ่งพฤติกรรมการซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวของผู้บริโภคปัจจุบันนี้กำลังกลายเป็นเทรนด์ที่ไม่นิยมซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อวัตถุประสงค์ใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่เป็นลักษณะ time sharing ที่ไปพักเองเมื่อไหร่ก็ได้ และยังสามารถได้รายได้จากการปล่อยเช่า ซึ่งจะมาช่วยค่าผ่อนหรือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ เขาใหญ่ และ หัวหิน-ชะอำ การปล่อยเช่าแทบจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเกือบ 100% ดังนั้น การเข้าพักสูงในช่วงเดือน ตุลาคม – กุมภาพันธ์ โดยเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 1.5 เดือน ซึ่งยังคงได้รับความนิยมเพราะผู้ซื้อยังต้องการเก็บไว้เพื่อพักผ่อนเองในบางโอกาส
สำหรับตลาดปล่อยเช่านั้นและนำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) พบว่าที่เชียงใหม่นั้นคอนโดมิเนียมที่นำมาปล่อยเช่าขนาด 30 -60 ตารางเมตรจะคิดค่าเช่าอยู่ระหว่าง 10,000 – 25,000 บาทต่อเดือน ด้านราคารีเซลในบางโครงการที่คอนโดมิเนียมขนาด 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร ขายประมาณ 75,000-80,000 บาทต่อตารางเมตรหรือยูนิตละ 2.0-2.5 ล้านบาท โดยราคารีเซลเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 4-5% ต่อปี ส่วนในอนาคตคาดว่าราคามีโอกาสปรับขึ้นไปได้อีก เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่สนับสนุนการเติบโตของเชียงใหม่ ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยจะนำเทคโนโลยีชินคันเซ็นมาใช้ในโครงการนี้ นอกจากนี้ยังมีโครงการมอเตอร์เวย์เชื่อมเชียงใหม่-เชียงรายและโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ อีกจำนวนมาก
ส่วนภูเก็ตโครงการคอนโดมิเนียมที่นิยมปล่อยเช่าห้องพักในรูปแบบสตูดิโอ และ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ 30-32 ตารางเมตร อัตราค่าเช่า City Condo ประมาณ 10,000 – 18,000 บาทต่อเดือน ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการเช่า คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 6-8% สำหรับค่าเช่า Resort Condo ที่อยู่ติดหาด จะได้รับความนิยมโดยเฉพาะในช่วง High Season ค่าเช่าประมาณ 50,000 – 70,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 4-5% ราคาของคอนโดมิเนียมเฉลี่ยทั้งตลาดอยู่ที่ 99,700 บาทต่อตารางเมตร ขยับขึ้น 7% ปัจจุบันพบว่าคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ มีราคาเปิดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งส่วนมากเป็น Resort Property ที่อยู่ริมหาด
สำหรับพื้นที่หัวหิน-ชะอำ สำหรับคอนโดที่นำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ที่ติดชายทะเล เฉลี่ยอยู่ที่ 135,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากตอนเปิดโครงการ 10% ส่วนโครงการที่ไม่ติดชายทะเลราคารีเซลอยู่ที่ 79,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากตอนเปิดโครงการ 19% ด้านการปล่อยเช่า หากเป็นโครงการใจกลางเมืองที่ติดชายทะเล รูปแบบ 1 ห้องนอน ปล่อยเช่าได้ 35,000 – 45,000 บาทต่อเดือน รูปแบบ 2 ห้องนอน 55,000 – 70,000 บาทต่อเดือน ส่วนโครงการที่ไม่ติดทะเล รูปแบบ 1 ห้องนอน ปล่อยเช่าได้ 15,000 – 20,000 บาทต่อเดือน รูปแบบ 2 ห้องนอน 30,000 – 50,000 ต่อเดือน
ขณะที่คอนโดมิเนียมในพัทยาพบราคารีเซลบางโครงการในพื้นที่พัทยากลางอยู่ที่ 110,000 บาทต่อตารางเมตร หากนำมาปล่อยเช่า (1 ห้องนอน ขนาด 30-35 ตารางเมตร) จะได้ค่าเช่าประมาณ 18,000-20,000 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าประมาณ 6-7% ต่อปี นอกจากนี้ยังพบว่าราคาขายเฉลี่ยยังเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5%
ส่วนพื้นที่เขาใหญ่ ราคาขายรีเซลบางโครงการ (1 ห้องนอน 50-55 ตารางเมตร) เสนอขายประมาณ 92,000 บาทต่อตารางเมตร หรือยูนิตละ 4.6-5.2 ล้านบาท โดยราคาขายรีเซลเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5-6% อย่างไรก็ตาม คอนโดมิเนียมในพื้นที่เขาใหญ่นิยมปล่อยเช่าห้องพักแบบระยะสั้น หรือในช่วง High Season (พฤศจิกายน – มกราคม)
“ช่วงปี 2559 – 2560 คอนโดมิเนียมในพื้นที่เชียงใหม่ หัวหิน-ชะอำและภูเก็ต ตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่นิยมซื้อเป็นบ้านพักตากอากาศ ส่วนในพื้นที่พัทยา และเขาใหญ่ ตลาดค่อนข้างทรงตัวจากการระบายอุปทานที่คงค้าง ในทางกลับกันยังมีการขยายตัวในบางทำเล ในบางช่วงราคาที่ยังมีกำลังซื้อ อย่างไรก็ตามยังมองเห็นทิศทางการขยายตัวในอนาคตที่คาดว่าตลาดจะเติบโตได้จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น อีกทั้งเริ่มพบเห็นอุปทานใหม่เริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดบ้างแล้ว” นายอนุกูล กล่าว