นางสาวพิมชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค. กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงดัชนีภาวะการค้าภาคบริการ ซึ่งเก็บข้อมูลตามหลักสากลจาก 13 สาขาหลัก ตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคบริการเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยพบว่าดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยในปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ขยายตัวต่อเนื่องจากร้อยละ 2.7 ในปี 2559 สะท้อนถึงสถานการณ์การค้าภาคบริการที่ยังอยู่ในระดับดี ซึ่งภาคบริการในรายสาขาเกือบทุกสาขาปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะสาขาอสังหาริมทรัพย์, สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร , และสาขาการขายส่งและขายปลีก ส่วนในปี 2561 แนวโน้มการค้าภาคบริการ จะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ และก่อสร้าง จากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่ยังมีแผนในการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์มีความกังวลในส่วนของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตร้อนแรงและเสี่ยงต่อภาวะฟองสบู่ เนื่องจากเป็นการเติบโตมาจากจำนวนเงินที่ปล่อยกู้ ไม่ได้เติบโตจากความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ ซึ่งอาจจะต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสมต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในการกำกับดูแลภาคอสังหาริมทรัพย์อย่างเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ ปัจจุบัน สัดส่วนการค้าภาคบริการคิดเป็นร้อยละ 61.5 ของจีดีพี หรือ มีมูลค่ารวมประมาณ 8 ล้านล้านบาท จากมูลค่าจีดีพีรวม 14 ล้านล้านบาท
สำหรับธุรกิจบริการทั้ง 13 สาขาประกอบด้วย 1)อสังหาริมทรัพย์ 2)ที่พักแรม 3) การขายส่ง 4)การขนส่ง 5)การก่อสร้าง 6)กิจกรรมทางการเงิน 7)กิจกรรมด้านสุขภาพ 8)ศิลปะ 9)ข้อมูลข่าวสาร 10)กิจกรรมการบริหาร 11)กิจกรรมวิชาชีพ 12) การศึกษา 13) กิจกรรมบริการด้านอื่นๆ