ธุรกิจที่เราเห็นทุกวันนี้มีหน้าตา โมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเยอะมาก หนึ่งธุรกิจที่เปลี่ยนไปเยอะมากคือโทรศัพท์ที่เราใช้ๆกัน
จะเปลี่ยนไปยังไงขอพาย้อนวันวานกันสักหน่อย อดีตเราต่างใช้โทรศัพท์แค่โทรออก-รับสาย ขอสัญญาณชัดๆ มีคลื่นทั่วถึงก็คงเพียงพอ
แต่ในทุกวันนี้ลองคิดดูเล่นๆว่า ถ้าคุณจะเปิดเบอร์ใหม่ คุณจะคำนึงถึงอะไรบ้าง…
-อินเตอร์เน็ตเร็วทันใจไหลลื่นมั้ย? 3 จี 4 จี 5 จี
-ราคามันเหมาะสมหรือไม่ ค่าโทร ค่าเน็ต
-บริการหลังการขายเป็นอย่างไร
-บริการเสริมอะไรบ้าง บลาๆๆ
สามข้อแรกคงปกติ แต่ที่น่าสนใจและดุเดือดสุดๆคือข้อสุดท้ายนี่สิ เพราะแทบจะเป็นตัวตัดสินการเลือกใช้บริการของลูกค้าเลย บางคนนี่ถึงขั้นย้ายค่ายเพราะบริการเสริม ไปหาโอเปอเรเตอร์ที่ถูกใจกันเลยทีเดียว
แล้วมันเปลี่ยนไปจากแต่ก่อนยังไง ก็แค่บริการเสริมแต่ก่อนก็มีอยู่แล้ว
ที่บอกว่าต่างไปก็เพราะผู้ให้บริโทรคมนาคมเจ้าใหญ่ๆต่างขนมาดึงดูดกันเต็มที่ อย่างทรู ถ้าคนใช้ทรูก็จะเห็นว่ามีดูบอลฟรี ดูหนังดูซีรีย์ ไม่พอแค่นั้นยังมีทรูวอลเล็ต ระบบชำระเงินของตัวเองไปใช้จับจ่ายกัน และยิ่งมีร้านสะดวกซื้อยักษ์ใหญ่ในเครืออย่างเซเว่นหนุนหลังอีก ลดค่าสินค้าบริการ ได้เงินคืน โปรต่างๆจัดเต็มว่ากันไป ไปถึงเน็ตบ้านทรู ทรูวิชั่น ที่มีคอนเทนต์ในมืออยู่เป็นทุนเดิม ยิ่งใช้ครบยิ่งลดเยอะอะไรแบบนี้
ซึ่งยักษ์ใหญ่คู่แข่งอย่างเอไอเอสมีหรือจะยอม จัดแพลตฟอร์มออนไลน์กระจุยกระจาย อย่าง เอไอเอสเพลย์บ็อกซ์ ร่วมกับ Netflix , Hooq , ดูบอลสดในมือถือ เรียกได้ว่าไม่ยอมกันเลย ระบบชำระเงินก็ไปจับมือกับ Line , Rabbit ดัน mPay มาชนกันไปเลย!
แต่ที่มันน่าจับตาให้ดี คือ ที่พึ่งเปิดตัวไปจะดันตัวเองไปสู่ Digital Platform For Thais อย่าง The Play 365 : Local VDO Platform ให้ศิลปิน สื่อมวลชน สร้างคอนเทนต์ลงแพลตฟอร์มเอง หรือ AIS IMAX VR : VR จากผู้ผลิต VR อย่าง IMAX และ AIS IoT Alliance Program – AIAP เทคโนโลยี IoT เหล่านี้เป็นตัวอย่างนี้น่าสนใจในอนาคต
เพราะจะทำให้ผู้ให้บริการอย่างโทรคมต่างต้องปรับตัว ดันแพลตฟอร์มของตัวเอง สร้างคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ หรือไม่ก็มีพาร์ตเนอร์ระดับโลกที่เอามาแข่งกัน ถ้ามีแค่บริการเดียวในปัจจุบัน มันไม่เพียงพออีกแล้ว
แต่ยิ่งผู้ให้บริการแข่งกันเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อผู้บริโภคอย่างเราๆทั้งนั้น ทั้งราคาถูกลง ทั้งได้ชมคอนเทนต์ดีๆระดับโลก
โดย กมลธร โกมารทัต