ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผนึก ETAP เปิดตัว Digital Twin อัจฉริยะ คุมพลังงานระดับชิป ตอบโจทย์ยุค AI บูม

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผนึก ETAP เปิดตัว Digital Twin อัจฉริยะ คุมพลังงานระดับชิป ตอบโจทย์ยุค AI บูม

ในยุคที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ความต้องการพลังงานของศูนย์ข้อมูล (Data Center) ก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือกับ ETAP เปิดตัวเทคโนโลยี Digital Twin ที่ล้ำสมัย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถจำลองความต้องการพลังงานของโรงงาน AI ได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่ระดับกริดไปจนถึงระดับชิป

เทคโนโลยี Digital Twin นี้ถูกพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม NVIDIA Omniverse™ Blueprint ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มต้นแบบสำหรับ Digital Twin ในโรงงาน AI ช่วยให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค และ ETAP สามารถรวบรวมข้อมูลจากระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของโรงงาน AI ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องกล ระบบระบายความร้อน ระบบเครือข่าย และระบบไฟฟ้า มาจำลองการทำงานได้อย่างสมจริง ทำให้สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์การใช้พลังงานได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการปฏิวัติการออกแบบและการดำเนินงานของโรงงาน AI อย่างแท้จริง จากเดิมที่การแสดงภาพระบบไฟฟ้าทำได้เพียงในระดับพื้นฐาน แต่การผสานรวมเทคโนโลยีของ ETAP และ NVIDIA Omniverse ทำให้สามารถสร้าง Digital Twin ที่สมบูรณ์แบบได้ โดยที่องค์ประกอบต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น

ฟังก์ชันการทำงานที่โดดเด่นของ Digital Twin นี้ ได้แก่:

  • การออกแบบและจำลองระบบไฟฟ้าขั้นสูง: ช่วยให้สามารถออกแบบระบบไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและรองรับความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นของ AI
  • การวิเคราะห์สถานการณ์ “What-If” แบบไดนามิก: สามารถจำลองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อประเมินผลกระทบต่อการใช้พลังงานและประสิทธิภาพของระบบ
  • การติดตามประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้าแบบเรียลไทม์: ช่วยให้สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน
  • การเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานขั้นสูง: ด้วยอัลกอริทึมอัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์การใช้พลังงาน ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้สูงสุด
  • การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และการประเมินความน่าเชื่อถือของระบบ: ช่วยให้สามารถคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าและวางแผนการบำรุงรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การวิเคราะห์ความต้องการด้านโครงสร้างพื้นฐานตามการใช้พลังงาน: ช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (Total Cost of Ownership) โดยการวางแผนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้สอดคล้องกับความต้องการพลังงาน

การทำงานของ AI ไม่ว่าจะเป็นในระบบคลัสเตอร์สำหรับการฝึก AI ขนาดใหญ่ หรือเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลที่เอดจ์ (Edge Inference Servers) ล้วนแต่ส่งผลให้การใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งแตกต่างจากการประมวลผลแบบเดิมๆ อย่างสิ้นเชิง การประมวลผล AI โดยเฉพาะการฝึกโมเดลและการประมวลผลแบบอนุมาน (Inference) ที่ซับซ้อนนั้นต้องการพลังในการประมวลผลสูง ทำให้เกิดความหนาแน่นของพลังงานต่อแร็คสูงขึ้นตามไปด้วย

เมื่อ AI ถูกนำมาใช้มากขึ้น องค์กรขนาดใหญ่ ธุรกิจสตาร์ทอัพ ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูล และบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ จึงจำเป็นต้องปรับแนวทางในการออกแบบและบริหารจัดการศูนย์ข้อมูลใหม่ เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความร่วมมือระหว่าง ETAP และ NVIDIA ในการนำเสนอแนวทาง “Grid to Chip” ช่วยรับมือกับปัญหาท้าทายที่สำคัญด้านการจัดการพลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และการใช้พลังงานในยุคของ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจุบัน ผู้ดำเนินการศูนย์ข้อมูลสามารถประเมินการใช้พลังงานโดยเฉลี่ยในระดับของแร็คได้ แต่ Digital Twin ใหม่ของ ETAP จะมุ่งเน้นที่การเพิ่มความแม่นยำในการจำลองพฤติกรรมโหลดแบบไดนามิกในระดับชิป เพื่อช่วยให้ออกแบบระบบพลังงานได้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้สูงสุด

ความร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้ง ETAP และ NVIDIA ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมในภาคธุรกิจศูนย์ข้อมูล ช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและจัดการกับความท้าทายของเวิร์กโหลด AI ได้อย่างมีประสิทธิผล

มุมมองจากผู้บริหาร:

ดิออน แฮร์ริส ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายโซลูชั่น HPC และ AI Factory NVIDIA กล่าวว่า “เมื่อเวิร์กโหลดด้าน AI ขยายตัวมากขึ้นและทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้น การบริหารจัดการพลังงานได้อย่างแม่นยำคือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจเรื่องประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความยั่งยืน โดยเราได้ร่วมมือกับ ETAP และ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการศูนย์ข้อมูลสามารถมองเห็นและควบคุมพลังงานได้เหนือชั้นยิ่งกว่าที่ผ่านๆ มา”

ทานุจ คันเดลวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ETAP กล่าวว่า “ความร่วมมือนี้ไม่ใช่แค่เรื่องโซลูชั่นด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เป็นการปฏิวัติวิธีการออกแบบ การบริหารจัดการ และการเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ข้อมูลในยุค AI”

ปานกาจ ชาร์มา รองประธานบริหารฝ่ายดาต้าเซ็นเตอร์ เครือข่าย และการบริการ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าวเสริม “ความร่วมมือ ความรวดเร็ว และนวัตกรรม คือแรงขับเคลื่อนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับเวิร์กโหลด AI”

โดยรวมแล้ว การพัฒนา Digital Twin ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการอุตสาหกรรม Data center เพื่อรองรับความต้องการของเทคโนโลยี AI ทีจะเติบโตขึ้นอย่างมากในอนาคต

HPE ผนึกกำลัง NVIDIA ปฏิวัติวงการ AI เปิดตัวระบบจัดการข้อมูลอัจฉริยะครบวงจร ดันองค์กรเข้าสู่ยุค Agentic AI เต็มรูปแบบ

Scroll to Top