MVP เล็งจัด Mobile Expo คู่ Crypto Expo ยาว ชี้คนรุ่นใหม่เน้นลงทุนแบบโตก้าวกระโดด

MVP เล็งจัด Mobile Expo คู่ Crypto Expo ยาว ชี้คนรุ่นใหม่เน้นลงทุนแบบโตก้าวกระโดด

หลังจากหยุดจัดงาน Thailand Mobile Expo ไปกว่า 2 ปี ล่าสุดบริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP ได้กลับมาจัดงานอีกครั้ง โดยในครั้งนี้ได้จัดคู่กับงาน Thailand Crypto Expo เพราะมองว่ากลุ่มลูกค้าที่สนใจสมาร์ทโฟนนั้นเป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มคนที่สนใจเรื่องคริปโทเคอร์เรนซี

โอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP กล่าวว่า จากการที่อยู่ในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมาสักระยะหนึ่ง พบว่าลูกค้าฝั่ง Mobile กับลูกค้าฝั่ง Crypto เป็นลูกค้ากลุ่มเดียวกันกว่า 50% ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่ม New Wealth หรือกลุ่มคนรวยรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้ลงทุนในตลาดหุ้นเดิม แต่จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เรียนรู้ด้าน DeFi

ทำให้งานในครั้งนี้ จะเห็นว่ามีการจับมือกันระหว่างดีลเลอร์และเหรียญต่างๆ เช่น COM7 ร่วมมือกับ MVP Coin โดยถ้าซื้อสินค้าจาก COM7 จะได้ MVP Coin และยังนำ Coin ไปจองรถบ้านได้ในราคาที่ถูกกว่าจองจากนอกงานอีกด้วย หรือ JayMart ร่วมมือกับบริษัทในเครือ JFIN สามารถนำเหรียญ JFIN ไปซื้อสินค้ากับ JayMart ได้

อิเกีย เตรียมขายถุงสีรุ้ง 17 พ.ค. นี้ พร้อมนำรายได้มอบให้กับสมาคมฟ้าสีรุ้ง
สลิงชอท กรุ๊ป เปิดผลสำรวจ 50 ซีอีโอ พร้อมแนะทบทวนกลยุทธ์ด้านคน รับมือความไม่แน่นอน

“ในอนาคตเราอาจจะไม่ได้เห็นมือถือมาลดราคา แต่อาจจะเปลี่ยนไปทำโปรโมชั่นร่วมกับเหรียญต่างๆ มากขึ้น”

MVP เล็งจัด Mobile Expo คู่ Crypto Expo ยาว ชี้คนรุ่นใหม่เน้นลงทุนแบบโตก้าวกระโดด

โอภาส กล่าวต่อว่า ส่วนตัวคาดว่างานในครั้งลูกค้าจะใช้เหรียญกับการซื้อสินค้า ประมาณ 20% แต่หากได้ถึง 25% ก็จะถือว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งปัจจัยการใช้นั้นไม่ได้เกิดจากคนซื้อ เพราะคนซื้อพร้อมจะใช้เหรียญ แต่คนขายยังไม่พร้อมในการรับ เพราะเป็นเรื่องใหม่ อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่ง ซึ่งทาง เอ็ม วิชั่น จะมีทีมงานคอยลงพื้นที่ไปสอนการใช้งาน

“ในงาน Crypto Expo เราเป็นงานแรกในโลกที่จะมีการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคตเราสามารถพัฒนางานของเราไปเป็นรูปแบบเดียวของ CES ไม่ยาก จะมีการเปิดเหรียญใหม่ๆ โมเดลธุรกิจใหม่ที่นำเหรียญมาใช้”

คนรุ่นใหม่ มองทุกอย่างเป็นการลงทุน

ประเทศไทยมีคนเล่นคริปโทฯ ต่อจำนวนประชากรสูงเป็นอันดับ 2 ในโลก ขณะที่ซื้อ-ขาย NFT เป็นอันดับ 1 ของโลก ที่ผ่านมา เอ็ม วิชั่น ได้จัดงานที่ภูเก็ต มีคนต่างชาติบินเข้ามามากมาย เพราะต่างชาติเห็นว่าคนไทยตื่นตัวในเรื่องคริปโทฯ มาก ต้องยอมรับว่าได้อานิสงส์จากการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ของ Bitkub เยอะมาก

MVP เล็งจัด Mobile Expo คู่ Crypto Expo ยาว ชี้คนรุ่นใหม่เน้นลงทุนแบบโตก้าวกระโดด

โอภาส กล่าวว่า  ในตลาดหุ้นเก่านักลงทุนพูดเรื่องผลประโยชน์กันที่ 7% หรือ 15% แต่ในตลาดใหม่นักลงทุนคุยกันเรื่อง “จะโตกี่เท่าตัว” แต่ความเสี่ยงก็สูงมากเช่นกัน ซึ่งการที่ได้มาเยอะมากก็มีโอกาสเสียกลับไปมาก

อีกส่วนหนึ่ง คือ กลุ่ม New Wealth ไม่เก็บเงินบาทเข้าบัญชีธนาคาร เพราะคนกลุ่มนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องนำเงินไปฝากคนอื่น จึงเปิด Wallet เป็นของตัวเอง นอกจากนี้ยังไม่สนใจเรื่องอัตราเงินเฟ้อ เพราะทุกอย่างคือการลงทุน

“คนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งมีเงินเป็นระดับพันล้านที่มาจากการลงทุน เมื่อเสียเงินกับการลงทุนไปก็ไปหาอย่างอื่นทำเพื่อหาเงินกลับมาใหม่ แล้วกลับไปลงทุนอีกรอบหนึ่ง ทำให้เห็นว่าธนาคารในประเทศไทย พยายามเข้าไปลงทุนในบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล เพราะแนวคิดของคนรุ่นใหม่มันเปลี่ยนไป”

โอภาส กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเทนด์ทั้งโลกมันเปลี่ยนไปทางนี้หมดแล้ว เพราะฉะนั้นงานในครั้งต่อไป MVP จะจัดคู่กันไปทั้ง 2 อย่าง โดยมีสัดส่วนอย่างละครี่งเหมือนเดิม แต่ก็มีโอกาสที่ฝั่งธุรกิจคริปโทฯ และ NFT จะเข้ามาเปิดบูธมากกว่าฝั่งมือถือ”

MVP เล็งจัด Mobile Expo คู่ Crypto Expo ยาว ชี้คนรุ่นใหม่เน้นลงทุนแบบโตก้าวกระโดด

คาด ปลายปีตลาดมือถือกลับมาคึกคัก

สำหรับส่วนของบูธในงาน Mobile Expo ในครั้งนี้ บูธที่มาร่วมงานเป็นดีลเลอร์มือถือ และไม่ได้เห็นแบรนด์สมาร์ทโฟนเข้ามาร่วมบูธในครั้งนี้โดยตรง

โอภาส กล่าวว่า ยอดขายของมือถือและอุปกรณ์เสริมจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท (ต่ำกว่าครั้งที่ผ่านมากว่าครึ่ง) โดยสาเหตุที่ยอดจับจ่ายจะลดลงไปนั้นมาจากการที่บูธมือถือลดลงไปครึ่งหนึ่ง ประกอบกับคนยังกังวลเรื่องการใช้เงิน ยังไม่พร้อมซื้อใหม่

บูธที่หายไป ส่วนมากเป็นธุรกิจขนาดกลางไปถึงเล็ก ต้องปิดกิจการและเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่น โดยเฉพาะธุรกิจที่ขายอุปกรณ์เสริม เพราะปัจจุบันสามารถกดซื้อได้จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

MVP เล็งจัด Mobile Expo คู่ Crypto Expo ยาว ชี้คนรุ่นใหม่เน้นลงทุนแบบโตก้าวกระโดด

ส่วนแบรนด์สมาร์ทโฟนที่เคยมาร่วมนั้นใช้งบประมาณไปกับการช่วยให้ดีลเลอร์รอดจากปัญหาด้านธุรกิจ ซึ่งในครั้งต่อไปจะกลับเข้ามาร่วมงานเช่นเดิม

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดมือถือคึกคักน้อยลง คือ ภาวะการขาดแคลนชิป ส่งผลให้มือถือราคาแพงขึ้น และน่าจะยังขาดต่อไปอีก 3-4 เดือน ก่อนที่สถานการณ์จะกลับมาดีขึ้น

ยอดขายตลาดมือถือกำลังจะกลับมา และจะกลับมาบูมอีกครั้งในช่วง เดือนกันยายน-ตุลาคม เพราะจะได้เห็น iPhone รุ่นใหม่ และสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่นๆ ที่แข่งขันกันเปิดตัว จึงวางแผนจัดงานใหญ่ในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” โอภาส กล่าวทิ้งท้าย

Scroll to Top