ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัยด้านนโยบายการขนส่ง และโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) มองว่าแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะออกกฎหมายบังคับให้รถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ติดตั้งจีพีเอสทุกคัน ว่า เป็นแนวคิดที่ควรเริ่มศึกษาโดยเร็ว เพราะปัจจุบัน จีพีเอส ถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดตั้งในรถยนต์อยู่แล้ว ขณะที่ราคาอุปกรณ์และค่าบริการก็เริ่มถูกลงตามเทคโนโลยี หากไม่ต้องใช้เทคโนโลยีในการส่งข้อมูลจำนวนมาก ราคาก็จะไม่แพง ซึ่งหากติดตั้งแล้วเป็นประโยชน์ก็ควรทำ แม้จะยากเพราะไม่สามารถบังคับรถเก่าให้ติดตั้งจีพีเอส ทุกคันได้ แต่ในอนาคตก็ควรทำเพราะเป็นประโยชน์ และขณะนี้ค่ายรถยนต์ทั่วโลก ก็มีการติดตั้งจีพีเอสในรถเป็นอุปกรณ์มาตรฐานอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นเรื่องความสมัครใจ ไม่ได้บังคับโดยกฎหมาย พร้อมยอมรับว่ายังไม่เห็นประเทศไหนใช้กฎหมายบังคับให้ติดตั้งจีพีเอสในรถส่วนบุคคล หากไทยทำจะเป็นประเทศแรก ๆ ของโลก
ส่วนความกังวลเรื่องการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั้น มองว่าไม่ใช่ประเด็นเนื่องจากปัจจุบันกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ทั่วเมือง รวมถึง โทรศัพท์มือถือที่ทุกคนมีก็ติดระบบจีพีเอสที่สามารถตรวจจับข้อมูลความเคลื่อนไหวได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือการมีมาตรการ และระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจากจีพีเอสไม่ให้รั่วไหล และถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์มากกว่า
ด้านนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มองว่า ประเด็นดังกล่าวคงต้องรอให้ฝ่ายนโยบาย คือ กระทรวงคมนาคม และ กระทรวงอุตสาหกรรม ทำการศึกษาหารือให้ตกผลึกออกมาก่อน เพราะยังมีเวลาอย่างน้อย 1 ปีในการศึกษา แต่ทั้งนี้ยอมรับว่า การติดตั้งจีพีเอส เพิ่มจากโรงงานผลิตรถยนต์ ก็จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รวมถึงภาษีนำเข้าอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งอาจต้องมีมาตรการจูงใจด้านภาษีเข้ามาเพิ่ม