พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้อยู่ที่ร้อยละ 4.8 ว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่เศรษฐกิจของประเทศเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอด 4 ปีที่ผ่านมา จากจุดต่ำสุดที่เคยติดลบตั้งแต่ก่อนปี 2557 ซึ่งบ้านเมืองมีปัญหาความวุ่นวายและรัฐบาลไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ แต่เมื่อบ้านเมืองสงบและทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน ร่วมมือกันทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้นเช่นนี้
“นายกฯ ระบุว่า เศรษฐกิจที่ขยายตัวนี้จะส่งผลให้เกิดการจ้างงาน มีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ทำให้การค้าขายดีตามไปด้วย แต่ประชาชนอาจยังรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก ซึ่งรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจหรือคิดจะทอดทิ้งประชาชน กลับให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือดูแลผู้มีรายได้น้อยและชนชั้นกลางที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ”
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าโลกในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคม และเข้ามาแทนที่แรงงานคนในบางอาชีพ เช่น ภาคการผลิต งานเลขานุการ งานจองตั๋ว งานเขียนแบบ ฯลฯ โดยผู้ที่สามารถปรับตัวและพัฒนาตนเองด้วยการเรียนรู้งานด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ หรือนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้กับอาชีพของตนก็จะอยู่รอดได้
ส่วนผู้ที่ยังไม่ปรับตัวก็จะประสบปัญหา เช่น ทำงานต่ำกว่าวุฒิการศึกษา ทำให้มีรายได้ต่ำ และคนบางส่วนอาจอยู่ในภาวะตกงาน เพราะคอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่ จึงอยากให้สังคมไทยและคนไทยเร่งปรับตัวให้ทันกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะไม่ใช่ประเทศไทยเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ทั่วโลกก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเริ่มตั้งแต่ครอบครัวและโรงเรียนที่ควรบ่มเพาะเยาวชน 4.0 ส่วนคนวัยทำงานก็ต้องแสวงหาความรู้ พัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี และนำนวัตกรรมต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้กับงานของตัวเอง
“นายกฯ สั่งการให้ทุกหน่วยราชการ โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งรณรงค์สร้างความตระหนักและความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน มุ่งเน้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสังคม เพราะหากไม่เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ประเทศไทยอาจตกขบวน และปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างคนในประเทศจะมีมากขึ้น”