เปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund ดึงกลุ่มธุรกิจชั้นนำร่วมลงทุน ดัน HealthTech โต

เปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund ดึงกลุ่มธุรกิจชั้นนำร่วมลงทุน ดัน HealthTech โต

ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ หรือ Disrupt ประกาศเปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund พร้อมพันธมิตรร่วมลงทุนกลุ่มแรกจากกลุ่มธุรกิจชั้นนำของไทย ได้แก่ Digital Health Venture หรือ DHV ในเครือ บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) บริษัท ฐานะ แอสเสท จำกัด หรือ THANA บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI และมหาวิทยาลัยศรีปทุม (SPU) โดยกองทุนตั้งเป้าเปลี่ยนแปลง Healthcare ไทยให้เข้าถึง Deep Technology ด้าน Healthcare ระดับโลก เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการดูแลรักษาสุขภาพคนไทย ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์บริหารกองทุนมาแล้วกว่า 6 กองทุนชั้นนำ ซึ่งได้ลงทุนใน 134 บริษัทใน 16 ประเทศ พร้อมตั้งเป้าลงทุนใน 15 บริษัท DeepTech ด้าน Healthcare ทั้งในไทยและต่างประเทศ ภายใน 3 – 5 ปี ยกระดับระบบนิเวศ Healthcare เพื่อให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านสุขภาพระดับโลก พร้อมเปิดรับพันธมิตรหนุนกองทุนในการขับเคลื่อนให้ไทยเป็น Healthcare hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดมูลค่าตลาด HealthTech ทั่วโลกเติบโตต่อเนื่อง 10% ต่อปี ด้วยปัจจัยหนุนนานับประการ

กระทิง พูนผล ประธานกองทุน Disrupt Health Impact Fund กองทุน 500 TukTuks และ ORZON Ventures เผย “ตลาด Healthcare มีมูลค่าตลาดใหญ่ในระดับ Trillion Dollar Industry ซึ่งมีมูลค่าถึง 9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือ กว่า 330 ล้านล้านบาท และเป็นเมกะเทรนด์ที่จะทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในโลกแห่งอนาคต และประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับความท้าทายด้าน Healthcare ในหลาย ๆ เรื่อง จึงเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าตื่นเต้น ผนวกกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะAI และ BioTech ที่พลิกโฉมให้เกิดนวัตกรรมรูปแบบใหม่ และสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและกระจายโอกาสในการเข้าถึงการรักษาได้มากยิ่งขึ้น” 

จันทนารักษ์ ถือแก้ว กรรมการผู้จัดการ ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ หรือ Disrupt และผู้บริหารกองทุน Disrupt Health Impact Fund กล่าวเสริมว่า ยังมีปัจจัยหนุนจากความต้องการโซลูชัน Healthcare ในยุคสังคมสูงวัย และเทรนด์การดูแลสุขภาพกายใจเชิงป้องกันของคนในทุกช่วงวัย นอกจากนี้ เป็นเรื่องน่าภูมิใจที่ประเทศไทยได้การยอมรับด้าน Healthcare ในระดับโลก และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของโลกในด้านดัชนีความมั่นคงทางสุขภาพโลก หรือ Global Health Security Index รวมทั้งเป็นประเทศที่มีโอกาสอีกมากจากตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือ Medical Tourism จึงเป็นจังหวะดีของผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศในการพัฒนานวัตกรรมมาแก้โจทย์ในโลกแห่งอนาคต โดยพร้อมเข้าร่วมลงทุนสนับสนุนนวัตกรรมระดับโลกที่จะสามารถช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพของคนไทย โดยการผนึกกำลังกันของพันธมิตร ร่วมกันกับบริษัท HealthTech ยกระดับการเปลี่ยนแปลงและสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางด้าน Healthcare ในประเทศ ให้เข้าถึง Deep Technology ทางด้าน Healthcare ระดับโลก

นอกจากการลงทุนแล้ว ทางกองทุนยังมุ่งสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทDeepTech ด้าน Healthcare โดยนำความเชี่ยวชาญทางด้าน Healthcare ทั้งจากภาครัฐและเอกชน เครือข่ายเภสัชกรรม เครือข่ายการกระจายผลิตภัณฑ์ การวิจัยและการศึกษาที่กว้างและลึก รวมทั้งแพลตฟอร์มระบบนิเวศของ Disrupt ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนจากประสบการณ์ของทีมบริหารของกองทุนที่มีประสบการณ์บริหารกองทุนมาแล้วถึง 6 กองทุน โดยได้ลงทุนกับสตาร์ทอัพรวม 134 บริษัท ใน 16 ประเทศ รวมทั้งได้สนับสนุนสตาร์ทอัพตั้งแต่ระยะบ่มเพาะ จน ณ ปัจจุบัน หลายรายเติบโตเป็นธุรกิจที่กำลังเตรียม IPO  

Disrupt Health Impact Fund มีนโยบายและสนใจลงทุนใน 5 ด้าน ได้แก่  Self Care หรือ การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง, Preventive Care หรือ เวชศาสตร์ป้องกันโรค, Silver Age หรือ ผู้สูงวัย, Holistic Wellness หรือ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม, และ Smart Hospital หรือ โรงพยาบาลอัจฉริยะ โดยเฟ้นหานวัตกรรมระดับโลกในระยะออกสู่ตลาดแล้ว (Commercialized) หรืออยู่ระหว่างการวิจัยในคน (Clinical Trial) 
เพื่อขอการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA)  มูลค่าลงทุนในระยะแรกประมาณ 
17 – 50 ล้านบาทต่อ 1 บริษัท และหากบริษัทที่ลงทุนไปสามารถเติบโตได้ดีและมีความร่วมมือทางธุรกิจกับผู้ร่วมลงทุน ก็จะเป็นอีกโอกาสที่บริษัทจะได้เงินลงทุนตรงจากผู้ร่วมลงทุนในกองทุนตรงเพิ่มเติมอีกด้วย

ปิธน วิทยศรีเจริญ กรรมการผู้จัดการ Digital Health Venture หรือ DHV ในเครือ บริษัท 
สมิติเวช จำกัด (มหาชน)
 กล่าวว่า “เป้าหมายหลัก คือ #เราไม่อยากให้ใครป่วย จึงเป็นที่มาของความคิดในการสร้าง Healthcare Ecosystem ในรูปแบบที่ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ ง่าย รวดเร็วขึ้น และนำสุขภาพดีไปสู่ผู้คนโดยที่โรงพยาบาลไม่จำเป็นต้องเป็นศูนย์กลางของระบบสาธารณสุข ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามเทคโนโลยี เราจึงปรับตัวด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสร้าง Digital Healthcare Ecosystem เพื่อสร้างคุณค่าให้กับส่วนรวมจากประสบการณ์ในการให้บริการดูแลสุขภาพ เรามองเห็นโอกาสด้าน Early careหรือการดูแลก่อนป่วย และ Risk care หรือการดูแลความเสี่ยงในการเกิดโรคหรือเจ็บป่วยของคนไทยให้เสี่ยงน้อยลง ด้วยความเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เป็น Next technology จะช่วยตอบโจทย์การดูแลผู้คนให้แข็งแรง ลดการพึ่งพาแพทย์ ทำให้ Healthcare Cost ลดลง และช่วยสร้าง GDP ให้ประเทศ ภายใต้สุขภาพที่แข็งแรง กองทุนมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับ DHVในการสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ด้วยการนำความถนัดและเชี่ยวชาญของพันธมิตรมาผสานกำลังให้เกิดผลกระทบที่ดีกับประเทศโดยรวม”

“สัดส่วนประชากรของไทย และของอีกหลายประเทศกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ ที่จำนวนผู้สูงอายุแซงหน้าจำนวนประชากรเด็กเกิดใหม่ ในขณะที่ภาพรวมของอายุขัยเฉลี่ยของพลเมืองโลกมีแนวโน้มมีอายุยืนขึ้น ส่งผลให้มีความจำเป็นที่ต้องการเข้าถึงบริการสาธารณะสุขเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพอย่างมากในการเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงด้านสุขภาพและสาธารณะสุข ทางกองทุนพร้อมทั้งพันธมิตรมีความตั้งใจร่วมกันว่าจะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเติบโตของวงการ HealthTech ที่ในระดับประเทศและระดับโลก รวมทั้งช่วยเร่งให้เกิดผลกระทบที่ดีในเชิงบวกด้านสุขภาพและสาธารณสุขให้กับสังคม โดยเฉพาะในประเทศไทย ผ่านการลงทุนและการผนึกกำลังกับพันธมิตรที่ร่วมทุนในรอบแรกนี้ และกับพันธมิตรในอนาคตที่มีเป้าหมายร่วมกับเรา รวมทั้งกับผู้ประกอบการด้าน Healthcare และ Deep Technology ทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก” กระทิง กล่าวทิ้งท้าย

Bitget มองตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลฟื้นตัวครึ่งปีหลัง สนับสนุนการแข่งขันคึกคักกว่าทุกปี

Related Posts

Scroll to Top